ขั้นตอนพื้นฐานที่จะดำเนินการและช่วงของเทคนิคที่สามารถดำเนินการได้สำหรับงานวิเคราะห์ความเสียหายแสดงในรายละเอียดด้านล่าง
ขั้นตอนเหล่านี้จะมีรายละเอียดเจาะลึกลงไปในลำดับถัดไป และขั้นตอนพื้นฐานเหล่านี้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละงาน
และลำดับในการตรวจสอบก็สามารถประยุกต์ใช้ได้ในแต่ละงานเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ทังนั้นขึ้นอยู่กับธรรมชาติของการตรวจสอบ
1.
รวบรวมข้อมูลพื้นฐาน ประกอบด้วย
-
ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความเสียหาย
-
ประวัติของชิ้นส่วน เช่น
กระบวนการผลิตและการใช้งาน
-
มาตรการ ข้อกำหนดและมาตรฐาน
2.
ดำเนินการตรวจสอบด้วยสายตาของบริเวณที่เสียหายและพื้นที่ใกล้เคียง
ทำการถ่ายภาพและบันทึกข้อมูล
-
จุดเริ่มต้นของการเสียหาย
-
การปรากฏของบริเวณที่เป็นจุดรวมความเค้น
-
การปรากฏของที่เกิดจากการอบคล้ายความเค้น
หรือคราบออกไซด์บนผิวหน้าแตกหัก
-
รูปแบและกลไกของการเสียหาย
-
ทิศทางการขยายตัวของรอยแตกและลำดับของการเสียหาย
-
การปรากฏของความไม่สมบูรณ์ของเนื้อวัสดุ
-
ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดและลักษณะทางกายภาพอื่นๆ
3.
ดำเนินการตรวจสอบผิวหน้าแตกหัก
4.
ดำเนินการวิเคราะห์ทางเคมีและเปรียบเทียบผลที่ได้กับข้อกำหนดของแต่ละมาตรฐาน
วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์การกัดกร่อน ตะกรันหรือสารเคลือบที่เกิดขึ้นบนผิวหน้า
5.
ดำเนินการทดสอบสมบัติทางกล
โดยนำผลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับข้อกำหนดหรือมาตรฐาน
6.
ดำเนินการตรวจสอบลักษณะทางมหภาคเพื่อประเมินความเป็นเนื้อเดียวกันของวัสดุ
ความสมบูรณ์ และคุณภาพของชิ้นส่วน
7.
ดำเนินการตรวจสอบลักษณะทางโลหะวิทยาด้วยภาพถ่าย
เพื่อประเมินลักษณะของโครงสร้างจุลภาค ตรวจสอบทิศทางการเสียรูปของผลิตภัณฑ์แบบแผ่นและความสัมพันธ์กับความเค้นกระทำและความเค้นตกค้าง
8.
ดำเนินการทดสอบความแข็งแบบจุลภาคเพื่อวัดหาความลึกของชั้นชุบผิวแข็ง
เพื่อวิเคราะห์ถึงอิทธิพลจากการขึ้นรูปเย็น ตรวจสอบคุณภาพของแนวเชื่อม
และช่วยในการยืนยันเฟสต่างๆ
9.
ดำเนินการตรวจสอบลักษณะทางโลหะวิทยาที่กำลังขยายสูงด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนเพื่อศึกษาเฟสที่ไม่สามารถตรวจสอบได้จากกล้องจุลทรรศน์แบบแสง
10.
ใช้ไมโครโพรบในการตรวจสอบลักษณะความผิดปกติ
เช่น สารฝังในและการแยกตัวตกตะกอน ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้จากเทคนิคหยาบๆ
11.
ใช้เทคนิคเอกซเรย์เพื่อตรวจสอบ
-
ระดับของความเค้นตกค้าง
-
ยืนยันหรือตรวจสอบปริมาณสัมพันธ์ของเฟสต่างๆ
เช่นออสเตนไนต์หรืออสสเตนไนต์เหลือค้าง เฟอร์ไรต์ เฟสซิกม่า เป็นต้น
12.
ดำเนินการทดสอบภายใต้สภาวะจำลองเพื่อประเมินลักษณะเฉพาะที่วิกฤติของวัสดุ
เช่น
แนวโน้มการแตกร้าวเนื่องจากความเค้นร่วมกับการกัดกร่อนในสิ่งแวดล้อมที่จะนำไปใช้งาน
เพื่อศึกษาความไวต่อการแตกเปราะของวัสดุ
หรือเพื่อยืนยันวิธีการในกระบวนการทางความร้อนหรือความสามารถในการชุบผิวแข็ง
13.
สรุปใจความสำคัญและวิเคราะห์ทุกข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ซึ่งอาจมีการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญ
14.
เขียนรายงานและแจกแจงราละเอียด
ในรายงานควรมีคำแนะนำที่สามารถนำไปปฏิบัติได้เพื่อป้องกันที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในอุปกรณ์เดิมๆ
15.
ติดตามว่าคำแนะนำได้นำไปประยุกต์หรือไม่และได้ผลเป้นอย่างไร
16.
เก็บหลักฐานเพื่อให้ผู้อื่นได้ทำการทวนสอบ
จากที่ท่านได้ทราบขั้นตอนเบื้องต้นในการดำเนินการวิเคราะห์ความเสียหายไปแล้ว
เพื่อให้ท่านได้ทราบรายละเอียดในแต่ละขั้นตอน
ผู้เขียนจะมาเพิ่มเติมรายละเอียดทีคาดว่าจะเป็นประโยชน์ในครั้งต่อไปนะครับ..โปรดรอติดตาม