รูปที่ 1 การกัดกร่อนของโลหะต่างชนิดเมื่อมาเชื่อมต่อกันทางเคมีไฟฟ้า
โดยมีแผ่นทองเหลืองและอะลูมิเนียมที่ยึดให้เข้ากันด้วยชุดสลักเกลียวที่ทำจากเหล็กกล้าไร้สนิม
304 ที่ผ่านการสร้างฟิล์ม
การกัดกร่อนของชิ้นส่วนโลหะที่นำมาใช้ในการยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกันเป็นปัญหาที่นักออกแบบต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ซึ่งหนึ่งในคำถามที่นักออกแบบจะต้องตอบคำถามให้ได้ว่าชิ้นส่วนโลหะที่เลือกใช้นั้นสัมผัสกับสภาวะที่มีฤทธิ์กัดกร่อนในระหว่างการใช้งานหรือไม่
ดังนั้นนักออกแบบที่ดีจึงควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการกัดกร่อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับโครงสร้างที่มีการยึดต่อ
ซึ่งมีอยู่หลายประเภท เช่น การกัดกร่อนแบบกัลวานิก (Galvanic
corrosion) การกัดกร่อนจากความเค้นร่วมกับการกัดกร่อน (Stress
corrosion cracking) การกัดกร่อนแบบรูเข็ม (Pitting
corrosion) การเกิดออกซิเดชัน (Oxidation) การหลอมเนื่องจากความร้อน
(Thermal relaxation) เป็นต้น
ดังที่พวกเราทราบกันดีแล้วว่า ถ้ามีโลหะต่างกันสองชนิดมาสัมผัสกันและเชื่อมต่อกันทางไฟฟ้าเคมีและอยู่ในสารละลายอิเล็กโทรไลท์ชนิดเดียวกัน
เมื่อเวลาผ่านไป โลหะที่ศักย์ต่ำกว่าจะเกิดการกัดกร่อน (อาโนด)
ขณะที่โลหะที่มีศักย์สูงกว่าจะไม่กัดกร่อน (คาโธด)
ความรุนแรงของการกัดกร่อนจะเพิ่มขึ้นตามความต่างศักย์ของโลหะทั้งสองที่มากขึ้น
ความต่างศักย์จะทำให้เกิดการไหลของอิเล็กตรอนระหว่างดลหะทั้งสอง
ทำให้เพิ่มอัตราการกัดกร่อนของโลหะ ที่มีค่าความต้านทานต่อการกัดกร่อนน้อย
และจะลดอัตราการกัดกร่อนของโลหะที่มีค่าความต้านมากกว่า
โดยปกติโลหะที่มีค่าความต่างศักย์มากจะมีการกัดกร่อนค่อนข้างน้อยหรือแทบจะไม่เกิดเลย
เนื่องจากกระบวนการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกระแสไฟฟ้าและความแตกต่างของโลหะ
จึงมีการเรียกการกัดกร่อนแบบนี้ว่า Galvanic corrosion หรือ Two-metal corrosion ปริมาณกระแสและการกัดกร่อนขึ้นอยู่กับความต่างศักย์ที่เกิดขึ้นระหว่างโลหะทั้งสอง
การสัมผัสกันของโลหะสองชนิดจุ่มแช่ในอิเล็กโทรไลท์เดียวกันเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาการแลกเปลี่ยนอิเล็กตรอน
ดังนั้นการใช้โลหะต่างชนิดมาต่อกันหรือสัมผัสกันในการออกแบบโครงสร้างจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างที่อยู่รอบๆ ตัวเราไม่ว่าจะเป็นสะพาน ผนัง รถบรรทุก
ถังน้ำ ฯลฯ จะเห็นว่าโครงสร้างเหล่านี้มีการใช้สลักเกลียวเป็นตัวยึด นอกจากนี้ อิเล็กโทรไลท์อาจอยู่ในรูปของน้ำ
น้ำค้าง ไอหมอก ไอเกลือ ไอทะเล หรือแม้แต่แหล่งมลพิษต่างๆ ดังนั้นนักออกแบบต้องคำนึงถึงปฏิกิริยาของโลหะเหล่านี้ร่วมด้วย
โลหะแต่ละชนิดจะมีค่าศักย์การนำไฟฟ้าเฉพาะตัว
แผนภูมิ "อนุกรมกัลวานิกของโลหะและโลหะผสม" เป็นการจัดอันดับของค่าศักย์ไฟฟ้าของโลหะแต่ละชนิดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริง
จากแผนภูมิเราจะเห็นว่าโลหะที่อยู่ด้านบนสุดจะมีความต้านทานการกัดกร่อนต่ำซึ่งจะเกิดการกัดกร่อนได้ง่ายเมื่อเทียบกับโลหะที่อยู่ด้านล่าง
โลหะที่อยู่ห่างกันมากยิ่งมีความรุนแรงของการกัดกร่อนของโลหะที่เป็นขั้วอาโนดมาก
(เช่นสังกะสีกับแพลตินั่ม จะเกิดการกัดกร่อนที่รุนแรงขึ้นกับสังกะสี) ดังนั้นการลดความรุนแรงของการกัดกร่อนเมื่อมีโลหะมาสัมผัสกันคือพยายามเลือกวัสดุชนิดเดียวกัน
(ดีที่สุด) หรือให้อยู่ใกล้ชิดกัน เช่นทองเหลืองกับทองแดง ซึ่งถ้าสังเกตจากแผนภูมิหรือตารางจะเห็นว่าโลหะที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันสามารถลดปัญหาการกัดกร่อนได้
แต่ถ้าอยู่ต่างกลุ่มจะมีปัญหาด้านการกัดกร่อนที่รุนแรงขึ้นตามความห่างของโลหะ
นอกจากนี้เรายังสามารถสังเกตเห็นว่าโลหะที่มีการเติมนิกเกิลและโครเมียมจะมีทั้งที่มีความไวและต้านทานการกัดกร่อน
และโลหะที่มีการสร้างฟิล์มจะเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน จากอนุกรมดังกล่าวเราจึงกล่าวได้ว่าเหล็กกล้ากับอะลูมิเนียมสามารถเข้ากันได้ดี
แต่ถ้าทองเหลืองมาสัมผัสกับเหล็กจะพบว่าเหล็กเกิดการกัดกร่อนเนื่องจากมีความไวต่อการกัดกร่อนมากกว่าทองเหลือง
อนุกรมกัลวานิกของโลหะและโลหะผสม
|
มีความไวต่อการกัดกร่อนมาก
|
·
แมกนีเซียมและโลหะผสมแมกนีเซียม
·
สังกะสี
|
·
อลูมิเนียม 1100
·
แคดเมียม
·
อะลูมิเนียม 2024-T4
·
เหล็กและเหล็กกล้า
|
·
ตะกั่ว
·
ดีบุก
·
นิกเกิล (active)
·
Inconel nickel-chromium alloy (active)
·
Hastelloy Alloy C (active)
|
·
ทองเหลือง (Cu-Zn alloys)
·
ทองแดง
·
ทองสัมฤทธิ์ (Cu-Sn alloys)
·
โลหะผสมทองแดง-นิกเกิล
·
โมเนล (70Ni-30Cu)
|
·
นิกเกิล (passive)
·
อินโคเนล (80Ni-13Cr-7Fe)
|
·
เหล็กกล้าไร้สนิม 304 (passive)
·
เหล็กกล้าไร้สนิม 316 (passive)
·
Hastelloy Alloy C (passive)
|
·
เงิน
·
ไทเทเนียม
·
กราไฟต์
·
ทองคำ
·
ทองคำขาว
|
มีความต้านทานการกัดกร่อนสูง
|
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดขั้วอาโนดและขั้วคาโธด
ได้แก่
1. ความแตกต่างของส่วนผสมเคมีในเนื้อโลหะ (Chemical composition couples) ซึ่งดูได้จาก Galvanic series ตัวอย่างการเกิดขั้วอาโนดและขั้วคาโธดจากโลหะต่างชนิดกันแสดงในรูปที่ 2
1. ความแตกต่างของส่วนผสมเคมีในเนื้อโลหะ (Chemical composition couples) ซึ่งดูได้จาก Galvanic series ตัวอย่างการเกิดขั้วอาโนดและขั้วคาโธดจากโลหะต่างชนิดกันแสดงในรูปที่ 2
รูปที่ 2 การกัดกร่อนแบบกัลวานิกที่เกิดขึ้นกับชิ้นส่วนสำหรับยึดฝ้าผนังเพดานที่ทำจากเหล็กกล้าไร้สนิมและเหล็กชุบสังกะสี
จากภาพจะเห็นว่าการกัดกร่อนอย่างรุนแรงเกิดขึ้นกับชิ้นส่วนเหล็กกล้าชุบสังกะสี (Galvanized steel) เท่านั้น
2. ความแตกต่างของแรงเค้น
(Stress
Couples) บริเวณที่มีความเค้นมากกว่าจะเป็นขั้วอาโนด ตัวอย่างการเกิดขั้วอาโนดและขั้วคาโธดจากจากความเค้นที่ต่างกันแสดงในรูปที่
3
รูปที่ 3
ท่อเหล็กกล้าไร้สนิมเกรด 304 ที่มีการนำมาเชื่อมต่อกัน ท่อด้านซ้ายเป็นท่อโค้ง (Elbow)
ซึ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า ผ่านการขึ้นรูปด้วยการ Forging
แล้วนำมาเจาะรู ในขณะที่ท่อด้านขวาเป็นท่อตรงที่ผ่านการขึ้นรูปด้วยการ
Extrusion ซึ่งผ่านการอบคลายความเค้น
จะเห็นว่าท่อตรงมีการกัดกร่อนที่รุนแรงมากกว่า
3. ความแตกต่างของความเข้มข้น (Concentration couples) บริเวณที่มีออกซิเจนน้อยกว่าจะเป็นขั้วแอโนด เช่นในซอกหรือช่องแคบเป็นต้น
3. ความแตกต่างของความเข้มข้น (Concentration couples) บริเวณที่มีออกซิเจนน้อยกว่าจะเป็นขั้วแอโนด เช่นในซอกหรือช่องแคบเป็นต้น