เมื่อชิ้นส่วนโลหะถูกนำมาใช้งานภายใต้สภาวะอุณหภูมิสูงในขณะเดียวกันก็รับความเค้นแรงดึงไปด้วย
อาจเกิดการเสียรูปอย่างถาวรตามเวลาภายใต้ภาระ (Time-dependent
Deformation Under Load) แม้ว่าจะต่ำกว่าค่า elastic yield stress ของโลหะนั้น ๆ ก็ตาม
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าการคืบ (Creep Damage) และอาจส่งผลให้วัสดุเกิดการเสื่อมสภาพซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายในที่สุด
รูปที่ 1 ความเสียหายท่อสามทางลำเลียงไอน้ำเกิดการคืบ (Creep) จากการใช้งานที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน
ระยะแรกของความเสียหายจากการคืบเกิดขึ้นเมื่อความเค้นที่อุณหภูมิสูงจะกระตุ้นให้เกิดการก่อตัวของช่องว่าง (Void Formation) ที่ทางสามแพร่งของขอบเขตเกรน (Grain Boundary Triple Points) ดังรูปที่ 2 เมื่อเวลาผ่านไป ช่องว่างเหล่านี้อาจขยายมารวมและต่อเนื่องกันใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นรอยร้าวเล็กๆ (Micro-crack) เป็นรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ (Micro-crack) ดังรูปที่ 3 และแตกหักจากกัน (Creep Rupture) ในที่สุด ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงตามมาได้
รูปที่ 2 ช่องว่างตามขอบเกรนที่เกิดจากการคืบในเหล็กกล้า 0.5CrMoV (P11) ใช้งานที่ 568 C เป็นเวลา 22.5 ปี (Conference: Metal 2013 At: Brno, Czech Republic)
รูปที่ 3 ช่องว่างลิงค์รวมกันกลายเป็นรอยร้าวเล็ก ๆ (DOI: 10.1016/j.jmst.2016.02.014 )
เป็นที่น่าสังเกตว่าการเสียรูปในภาพรวมที่เกิดจากการรับดึงเกินพิกัด (Tensile Overloading) นั้นจะไม่สามารถตรวจพบในความเสียหายจากการคืบ
ลักษณะหรือสัณฐานวิทยาของ creep damage จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะของการเสื่อมสภาพในวัสดุ
โดยในระยะเริ่มแรก ช่องว่างของการคืบ (Creep
Voids) มักจะปรากฏขึ้นที่ขอบเขตเกรน และสามารถระบุได้ผ่านการตรวจสอบทางโลหะวิทยาด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด
(SEM) เท่านั้น
เมื่อความเสียหายดำเนินไป ช่องว่างจะเติบโตเป็นรอยร้าวขนาดเล็กและกลายเป็นรอยแตกในที่สุด
เมื่อรอยแยกทอดยาวตลอดตามขอบเกรน เราสามารถสังเกตหรือตรวจสอบได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์แบบแสง
ที่อุณหภูมิสูงกว่าขีดจำกัดเกณฑ์มาก ๆ
อาจสังเกตเห็นการเสียรูปได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น
ท่อทำความร้อนอาจได้รับความเสียหายจากการคืบจากการใช้งานมาเป็นเวลานาน และเกิด bulging before
rupture ที่สามารถวัดได้อย่างชัดเจนก่อนที่จะเกิดการแตกหักออกจากกัน
ปริมาณของการเสียรูปก่อนแตกหักขึ้นอยู่กับวัสดุและปัจจัยร่วมกันระหว่างอุณหภูมิและระดับความเค้น
ในภาชนะรับแรงดันและท่อ การแตกร้าวจากการคืบสามารถเกิดขึ้นได้ที่อุณหภูมิของโลหะสูงๆ
และความเข้มข้นของความเค้น เช่น ใกล้บริเวณแนวความไม่ต่อเนื่องของวัสดุ ได้แก่ ข้อต่อสามทางของท่อและ vessel nozzles รวมถึงที่ข้อบกพร่องในการเชื่อม
วัสดุที่ใช้งานในสภาวะที่มีความร้อนสูงมักทำให้เกิดการคืบได้ในช่วงอุณหภูมิต่างๆ ยกตัวอย่าง เช่น วัสดุจำพวก Nickel-based Super Alloy จะมีความไวต่อการคืบที่อุณหภูมิสูง (ประมาณ 1000 ถึง 1200 C) ในขณะที่วัสดุจำพวกโพลิเมอร์หรือตะกั่วบัดกรีมีความไวต่อการคืบที่ช่วงอุณหภูมิต่ำ (ประมาณ 25 C) โดยทั่วไปการคืบจะเกิดเมื่อวัสดุใช้งานในช่วงอุณหภูมิมากกว่า 0.3 เท่าของจุดหลอมเหลวของวัสดุ (0.3Tm) โดยเฉพาะที่ 0.5 Tm เป็นช่วงที่ต้องระวังเรื่องการคืบตัวของวัสดุเป็นพิเศษ
การคืบสามารถเกิดขึ้นได้ในวัสดุที่เป็นเซรามิกส์ที่อุณหภูมิสูงกว่า 0.4 ถึง 0.5 Tm แม้ว่าจะมากกว่าที่เกิดขึ้นกับโลหะและพอลิเมอร์ทั่วไป แต่เซรามิกส์มีค่าความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่างโดยการคืบค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากลักษณะจำเพาะที่มีอุณหภูมิของจุดหลอมเหลวสูง อย่างไรก็ตามเซรามิกส์ที่สามารถใช้งานในช่วงอุณหภูมิสูงๆ ได้ ก็มีโอกาสที่จะเกิดการเสียหายโดยการคืบได้เช่นกัน
เพื่อป้องกันการเสียหายที่เกิดจากการคืบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทราบสภาวะการใช้งานของระบบเมื่อจะทำการเลือกวัสดุเพื่อใช้งาน การคืบมักเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นกับใบพัดกังหันไอน้ำที่มีการใช้งานใสภาวะมีแรงเค้นกระทำและอุณหภูมิค่อนข้างสูง จากเงื่อนไขดังกล่าวจึงต้องเลือกใช้วัสดุที่มีจุดหลอมตัวสูง นอกจากนั้นยังจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบคุณภาพของวัสดุหลังการประกอบและผลิต เพื่อลดปัญหาจุดบกพร่องของวัสดุ (Material Defects) และช่องว่าง (Void) ที่เกิดขึ้นภายใน
การคืบสามารถเกิดขึ้นได้ในวัสดุที่เป็นเซรามิกส์ที่อุณหภูมิสูงกว่า 0.4 ถึง 0.5 Tm แม้ว่าจะมากกว่าที่เกิดขึ้นกับโลหะและพอลิเมอร์ทั่วไป แต่เซรามิกส์มีค่าความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่างโดยการคืบค่อนข้างสูง ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากลักษณะจำเพาะที่มีอุณหภูมิของจุดหลอมเหลวสูง อย่างไรก็ตามเซรามิกส์ที่สามารถใช้งานในช่วงอุณหภูมิสูงๆ ได้ ก็มีโอกาสที่จะเกิดการเสียหายโดยการคืบได้เช่นกัน
เพื่อป้องกันการเสียหายที่เกิดจากการคืบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะทราบสภาวะการใช้งานของระบบเมื่อจะทำการเลือกวัสดุเพื่อใช้งาน การคืบมักเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นกับใบพัดกังหันไอน้ำที่มีการใช้งานใสภาวะมีแรงเค้นกระทำและอุณหภูมิค่อนข้างสูง จากเงื่อนไขดังกล่าวจึงต้องเลือกใช้วัสดุที่มีจุดหลอมตัวสูง นอกจากนั้นยังจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบคุณภาพของวัสดุหลังการประกอบและผลิต เพื่อลดปัญหาจุดบกพร่องของวัสดุ (Material Defects) และช่องว่าง (Void) ที่เกิดขึ้นภายใน
References:
- API
ANSI/API RECOMMENDED PRACTICE 571 THIRD EDITION, MARCH 2020
- Microstructure and Creep Strength of Welds in Advanced Ferritic Power Plant Steels https://www.phase-trans.msm.cam.ac.uk/2002/papers/Abe.pdf
- Failure Analysis of Abnormal Bulging and Cracking for High-Pressure Steam Pipe https://link.springer.com/article/10.1007/s11665-022-06799-0
- Creep-fatigue damage mechanisms and life prediction based on crystal plasticity combined with grain boundary cavity model in a nickel-based superalloy at 650°Chttps://doi.org/10.1016/j.ijplas.2023.103601
- Effect of temperature variation on the long-term strength of steelsTrans. ASME, 74 (1952), pp. 777-780
บล็อกของคุณช่วยชีวิตเบลล์มากจริงๆ ตอนนี้เรียนเรื่องนี้อยู่ค่ะ คุณเขียนอ่านแล้วเข้าใจดี ขอบคุณมากๆนะคะ
ตอบลบขอบพระคุณที่ช่วยสร้างองค์ความรู้ให้คนไทยได้เข้าใจนะครับ
ตอบลบขอบคุณจิงๆค้า สอบเลย
ตอบลบด้วยความยินดีครับ
ลบสุดยอดครับ.หนังสือราคา500ก็ไม่สมราคาอธิบายแย่มาก
ตอบลบเขียนดี เข้าใจง่ายมากเลย ขอบคุณนะคะ
ตอบลบกระจ่างเรยครับ
ตอบลบ